วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561

ผลสำรวจสารเคมีปนเปื้อนผัก-ผลไม้พบ "พริกแดง-ส้มสายน้ำผึ้ง-ฝรั่ง" สารพิษตกค้างมากสุด

เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เปิดเผยผลสำรวจสารเคมีปนเปื้อนจากการสุ่มเก็บตัวอย่างผักและผลไม้ที่ประชาชนนิยมบริโภค พบว่า พริกแดง มีสารพิษตกค้างมากที่สุดร้อยละ 100 ส่วนผลไม้ พบว่า ส้มสายน้ำผึ้งและฝรั่ง มีสารพิษตกค้างมากที่สุดเท่ากันคือ ร้อยละ 100 ส่วนกะหล่ำปลีและแตงโมตรวจไม่พบว่ามีสารเคมีตกค้าง

ผลสำรวจสารเคมีปนเปื้อนผัก-ผลไม้พบ "พริกแดง-ส้มสายน้ำผึ้ง-ฝรั่ง" สารพิษตกค้างมากสุด


ขณะที่ภาพรวมผักและผลไม้มีสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐานร้อยละ 46.4 ส่วนใหญ่พบในผักผลไม้ที่ได้รับตรา Q (คิว) จากสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) สูงถึงร้อยละ 57.1 รวมทั้งผักผลไม้อินทรีย์ที่ได้รับรอง ออร์แกนิก ไทยแลนด์ พบสารเคมีตกค้างสูงเกินมาตรฐานร้อยละ 25







ข้อมูลเพิ่มเติม  https://news.thaipbs.or.th/content/252147





สารเคมีที่ห้ามใช้ในอาหาร

สารเคมีที่ห้ามใช้ในอาหาร


1.สารฟอกขาวอันตรายต่อร่างกาย 
- จะเกิดอาการปวดท้อง เวียนศรีษะ อาเจียน อุจจาระร่วง ความดันโลหิตต่ำ 
- ผู้ที่แพ้อย่างรุนแรง หรือผู้ป่วยโรคหอบหืด จะเกิดอาการช็อค หมดสติ และเสียชีวิต
ชนิดอาหารที่พบ - น้ำแช่ผักผลไม้ เช่น ถั่วงอก ขิงฝอย ยอดมะพร้าว หยวกกล้วย กล้วยดิบ ฯลฯ 
- ผัก ผลไม้แปรรูป เช่น ทุเรียนกวน หน่อไม้ดอง ขิงดอง สับปะรดกวน กะปิ ฯลฯ 
กฎหมายกำหนด ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 62/24 ,84/27 สามารถเจือปนได้ในอาหารบางชนิด แต่สารฟอกขาวเป็นสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ 
 
2.สารบอแรกซ์ อันตรายต่อร่างกาย - อาการเฉียบพลัน อาเจียน ท้องเสีย ผิวหนังร้อนแดง ชัก มีไข้สูง ตัวเหลือง ความดันลด หมดสติ ตายในที่สุด 
- อาการเรื้อรัง ได้แก่ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อาเจียน ผมร่วง ชัก และโลหิตจาง 
- ทำให้ทางเดินอาหารเกิดการระคายเคือง 
- เป็นพิษต่อไต และสะสมในสมอง 
ชนิดอาหารที่พบ 
- เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์ ( หมูบด ปลาบด ทอดมัน ลูกชิ้น หมูสด เนื้อสด ไส้กรอก ฯลฯ) 
- ผลไม้ดอง 
- ทับทิมกรอบ ลอดช่อง 
กฎหมายกำหนด - ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 151 ( พ.ศ.2536 ) กำหนดให้สารบอแรกซ์เป็นสารที่ห้ามใช้ในอาหาร ผู้ฝ่าฝืนมีโทษให้ปรับไม่เกิน 20,000 บาท 
- พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 กำหนด บอแรกซ์เป็นสินค้าควบคุมฉลาก ต้องมีข้อความ

ข้อมูลเพื่มเติม  https://guru.sanook.com/9432/

อันตรายสารเคมีเข้าตาเสี่ยงตาบอด

อันตรายสารเคมีเข้าตาเสี่ยงตาบอด

บ่อยครั้งเรามักได้ยินข่าวหวาดระแวงหึงหวงกัน จนลงเอยด้วยการสาดน้ำกรดบนใบหน้า และที่พบบ่อยร้ายที่สุด คือดวงตาซึ่งเจ้าตัวมักไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ว่าไปแล้วเรื่องเหล่านี้ถือเป็นอาชญากรรมทีเดียว เพื่อบรรเทาเหตุร้ายเช่นนี้ เรามีความรู้เกี่ยวกับเจ้าสารพิษมาเล่า ไม่แน่สักวันคุณอาจได้ช่วยใครบางคนที่ถูกทำร้ายก็ได้

อุบัติเหตุจากสารเคมีเข้าตา อาจเกิดจาก
1.อุบัติเหตุ จากการทำงาน เช่น โดนสารเคมีที่ใช้ในโรงงาน เช่น โซดาไฟ โดนน้ำจากแบตเตอรี่รถยนต์ โดนน้ำยาล้างหรือน้ำยาขัดห้องน้ำ ยาฆ่าแมลง ยาฉีดกันยุง ได้รับสารเคมีผงคาร์บอนไดออกไซด์เข้าตาขณะไปช่วยดับเพลิงแล้วถังเกิดระเบิด
2. การโดนทำร้ายร่างกาย เช่น ใช้น้ำกรดสาดหน้า แล้วโดนตาทั้ง 2 ข้าง หรือโดนก๊าซน้ำตา
ซึ่งสารเคมีโดยทั่วไปมี 2 ชนิด คือ กรด และด่าง
โดยทั่วไป ด่าง มีความรุนแรงมากกว่ากรด สามารถทำลายเปลือกตา เยื่อบุตา ผิวนอกของกระจกตา และยังสามารถแทรกซึมผ่านเข้าไปทำลายดวงตา และส่วนต่างๆ ภายในดวงตาได้ เช่น ทำให้เกิดม่านตาอักเสบต้อกระจก และต้อหิน
ส่วนกรด การทำลายมักจะจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณผิวชั้นนอกของลูกตา เปลือกตา เยื่อบุตา ผิวกระจกตา เนื่องจากคุณสมบัติของกรด เมื่อทำปฏิกิริยากับโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อแล้ว ทำให้โปรตีนแข็งตัวรวมกัน เป็นเหมือนผนังกั้นไม่ให้กรดนั้นซึมผ่านเข้าไปในลูกตาได้อีก เพราะฉะนั้น การทำลายที่เกิดขึ้นจากกรดมักจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณชั้นผิวตื้นๆ เท่านั้น

ข้อมูลเพิ่มเติม  https://guru.sanook.com/9600/

บริษัทพีทีที โกบอล เคมิคอลฯ"เผยข้อมูลสารขจัดคราบน้ำมัน

นักวิชาการเเนะ"บริษัทพีทีที โกบอล เคมิคอลฯ"เผยข้อมูลสารขจัดคราบน้ำมัน

        รศ.พลังพล คงเสรี อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีเเละชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยรายงานผลกระทบจากสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่ใช้สลายคราบน้ำมันจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก เมื่อปี 2553 ที่ผลการวิจัยออกมาว่าสารเคมีที่ใช้ มีฤทธิ์เป็นสารก่อมะเร็ง เเละส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล เหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นบทเรียนสำคัญที่นานาประเทศ เรียกร้องให้ผู้ดำเนินการบำบัดฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล ต้องเปิดเผยรายละเอียดสารเคมีที่จะใช้เเก่สาธารณะชน เเละศึกษาผลกระทบให้รอบด้าน ก่อนพ่นลงทะเล
เเม้เหตุน้ำมันรั่วในอ่าวไทยครั้งนี้ จะไม่รุนเเรงเท่ากับอ่าวเม็กซิโกเมื่อ 3 ปีที่เเล้ว เเต่ก็อาจส่งผลต่อระบบนิเวศในระยะยาว หากผู้ที่ก่อมลพิษเเละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่เปิดเผยรายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีที่จะนำมาใช้
การศึกษาวิจัยจากเหตุน้ำมั้นรั่วที่อ่าวเม็กซิโกยังค้นพบว่า มีจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ใต้ทะเลบางชนิด มีคุณสมบัติสามารถกำจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลได้ นักวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงเห็นว่าเหตุน้ำมันรั่วในอ่าวไทย น่าจะใช้จุลินทรีย์ที่มีอยู่ในทะเลอ่าวไทย มาใช้เป็นตัวช่วยในการย่อยสลายคราบน้ำมันได้
ข้อมูลเพิ่มเติม  https://www.sanook.com/news/1200361/

สารเคมีในโรงงาน Samsung รั่วไหล คนงานวัย 52 ปี ดับ!





     สำนักข่าวเกาหลีใต้ yonhanews รายงานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจาก ระบบดับเพลิงของโรงงานทำงานผิดพลาด เมื่ออยู่ๆก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ทั้งๆที่ไม่ได้เกิดเหตุไฟไหม้แต่อย่างใด ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในพื้นที่ เมื่อเหตุการณ์สงบลง พบผู้เสียชีวิตเป็นคนงานชายวัย 52ปี 




     เว็บไซต์ Engaget ได้โพสถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ2-3ปีก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สลดครั้งนี้ว่า เมื่อเดือน มกราคม ปี2013 นั้น เคยเกิดเหตุการณ์สารเคมี Hydroflouric acid รั่วไหลออกมามากกว่า 10 ลิตร ในโรงงานผลิตชิปของ Samsung   ทำให้คนงานเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 4 ราย จากเหตุการณ์นี้บริษัท Samsung ถูกปรับเป็นเงินกว่า 1000ดอลลาร์ เพื่อเป็นการตักเตือนไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก  แต่หลังจากนั้น 4 เดือน ก็เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำขึ้นอีกในลักษณะเดียวกัน ทำให้คนงานบาดเจ็บ 3 ราย 
ข้อมูลเพิ่มเติม  https://www.sanook.com/hitech/1388731/

ใครชอบแต่งหน้า เสี่ยงสะสมสารเคมี

การแต่งหน้า เสี่ยงสะสมสารเคมี 2 กิโลต่อปี


ปัจจุบันผู้หญิงถึง 70% แต่งหน้า และยิ่งเดี๋ยวนี้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เป็นเรื่องง่าย เพียงแค่คลิกเดียวสาวๆ ก็สามารถรับข้อมูลข่าวสารได้อย่างมากมาย ทำให้สามารถแต่งหน้าได้หลากหลายและสนุกยิ่งขึ้น โดยเลือกสไตล์การแต่งหน้าได้ตามแบบที่แต่ละคนชื่นชอบรู้กันหรือไม่ว่าในเครื่องสำอางที่ใช้กันอยู่แทบจะทุกวันนั้นมีส่วนประกอบของสารเคมีอยู่ระหว่าง 80 – 90%

             ปัจจุบันผู้หญิงถึง 70% แต่งหน้า และยิ่งเดี๋ยวนี้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เป็นเรื่องง่าย เพียงแค่คลิกเดียวสาวๆก็สามารถรับข้อมูลข่าวสารได้อย่างมากมายทำให้สามารถแต่งหน้าได้หลากหลายและสนุกยิ่งขึ้นโดยเลือกสไตล์การแต่งหน้าได้ตามแบบที่แต่ละคนชื่นชอบรู้กันหรือไม่ว่าในเครื่องสำอางที่ใช้กันอยู่แทบจะทุกวันนั้นมีส่วนประกอบของสารเคมีอยู่ระหว่าง 80 – 90%

ซึ่งถ้าหากสาวๆ ไม่ดูแลปกป้องผิวหน้ากันอย่างดีแล้ว นอกจากจะได้ผิวหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอยเป็นของแถมแล้ว ยังเสี่ยงต่อการสะสมสารเคมีในร่างกายถึงปีละ 2 กิโลกรัม ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับผิว ความผิดปกติด้านฮอร์โมน หรือแม้กระทั่งก่อเกิดมะเร็งได้ 

สามารถติดตามเรื่องราวของผู้หญิง ได้ทาง WomanPlus Magazine
ติดตามอ่านแบบออนไลน์ได้ที่ WomanPlus Magazine Online

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.sanook.com/women/31673/




รายงานจีนคลังสารเคมีระเบิดรุนแรงที่เทียนจิน ยอดเสียชีวิต 44 ราย


จีนคลังสารเคมีระเบิดรุนแรงที่เทียนจิน ยอดเสียชีวิต 44 ราย


      คืนวานนี้ (12 ส.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 23.10 น. ตามเวลาจีน เกิดเหตุระเบิดอย่างรุนแรงในพื้นที่ย่านผิงไห่ เทศบาลนครเทียนจิน ทางตอนเหนือของประเทศจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
       ทวิตเตอร์ @XHNews เผยภาพขณะเกิดเหตุซึ่งเห็นได้ว่าการระเบิดครั้งนี้รุนแรงมาก เปลวเพลิงและกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงหลายเมตร
       ทวิตเตอร์ @MSimonTV ของ นายแมตต์ ไซมอน โปรดิวเซอร์รายการข่าว CCTV อเมริกา รายงานว่า เหตุระเบิดนี้เกิดขึ้นในท่าเรือตงเจียง เก็บสินค้าจำพวกสารเคมี สารไวไฟ และสารระเบิดร้ายแรงของบริษัท รุ่ยไห่ อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ แรงระเบิดระดับรุนแรงสองครั้ง วัดขนาดได้ถึง 2.3 แมกนิจูด หรือ เท่ากับระเบิดทีเอ็นที 3 ตัน และ 2.9 แมกนิจูด หรือเทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที 21 ตัน ส่วนตึกและอาคารในรัศมีราว 10 กิโลเมตรจากจุดระเบิดนั้นเสียหายเกือบทั้งหมด
ล่าสุด 13.00 น. ทวิตเตอร์ @XHNews รายงานว่า พบผู้เสียชีวิตแล้ว 44 ราย โดยในจำนวนนี้มี 12 คนเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.sanook.com/news/1846554/

ผลสำรวจสารเคมีปนเปื้อนผัก-ผลไม้พบ "พริกแดง-ส้มสายน้ำผึ้ง-ฝรั่ง" สารพิษตกค้างมากสุด

เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เปิดเผยผลสำรวจสารเคมีปนเปื้อนจากการสุ่มเก็บตัวอย่างผักและผลไม้ที่ประชาชนนิยมบริโภค พบว่า พริกแดง มี...